วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557

จอมพล และจอมทัพไทยในหลวงฉลองพระองค์ หมวกเบเรต์แดง ของหน่วยรบพิเศษ
เสด็จพระราชดำเนิน ทุ่งมะขามหย่อง



(ขอบคุณภาพจาก คมชัดลึก)



จอมพล
จอมพล เป็นยศทหารชั้นสูงสุดของกองทัพไทย โดยมียศที่เทียบเท่ากันของทั้งสามเหล่าทัพ ได้แก่ จอมพล (ทหารบก) จอมพลเรือ (ทหารเรือ) และจอมพลอากาศ (ทหารอากาศ) (ตามพระราชบัญญัติยศทหาร พ.ศ. ๒๔๗๙) โดยเป็นยศสูงกว่าพลเอก และเป็นรองแต่เพียงจอมทัพไทยเท่านั้น

ยศจอมพลในประเทศไทยมีขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริตามแบบธรรมเนียมทหารในต่างประเทศ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศจอมพลแก่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช จเรทหารทั่วไป เป็นพระองค์แรก ต่อมาได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศจอมพลแก่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช เสนาบดีกระทรวงกลาโหม และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ สมเด็จพระอนุชาธิราช เสนาธิการทหารบก และพระราชทานยศจอมพลเรือแก่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ต่อมาเมื่อโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ ทรงย้ายมาเป็นเสนาธิการทหารบก ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศจอมพล ให้ด้วย
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง มีการปรับสายการบังคับบัญชาทหาร จากกองทัพน้อย กองพล กรม กองพัน เหลือเพียงระดับกองพัน จึงไม่มีการพระราชทานยศจอมพล จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ได้มีการขอพระราชทานยศจอมพล จอมพลเรือ และจอมพลอากาศ ให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด และยศจอมพลให้แก่ผู้บัญชาการทหารบก ยศจอมพลเรือแก่ผู้บัญชาการทหารเรือ และยศจอมพลอากาศแก่ผู้บัญชาการทหารอากาศ และต่อมาได้มีการขอพระราชทานยศจอมพลสามเหล่าทัพให้เฉพาะผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดเพียงตำแหน่งเดียว
นายทหารผู้ได้รับพระราชทานยศจอมพลคนสุดท้าย คือ จอมพลเกรียงไกร อัตตะนันทน์ เมื่อ พ.ศ. 2515 ภายหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เป็นต้นมา ก็ไม่มีการแต่งตั้งยศจอมพลอีกเลย มีเพียงยศ พลเอก พลอากาศเอก พลเรือเอก สามเหล่าทัพ ซึ่งได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2529 ขณะที่พลเอกเปรมฯ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ในการพระราชทานยศจอมพล จะพระราชทานคทาจอมพล ที่มีลักษณะเป็นรูปครุฑพ่าห์ ด้านล่างของด้ามคทาประดิษฐ์เป็นรูปทรงมัณฑ์ 3 ยอด ประดับด้วยแก้วผลึกสีเขียวสลับแดง ที่ด้ามมีจารึกนามจอมพลพร้อมด้วยวันที่ได้รับพระราชทาน
ปัจจุบัน ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ปลัดกระทรวงกลาโหม จะรับเงินเดือนอัตรา จอมพล (น.9) แต่ไม่ได้รับพระราชทานยศจอมพล
อินทรธนูจอมพลไทย

ธงหมายยศจอมพลไทย


พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งดำรงพระยศเป็นจอมพล และนายทหารของกองทัพบกไทย
ซึ่งมียศจอมพล มีทั้งสิ้น 17 ท่าน

  1. จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
  2. จอมพล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช
  3. จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
  4. จอมพลเรือ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
  5. จอมพลเรือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก[1]
  6. จอมพลหญิง (สามเหล่าทัพ) สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
  7. จอมพล เจ้าพระยาบดินทรเดชานุชิต (หม่อมราชวงศ์อรุณ ฉัตรกุล)
  8. จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต)
  9. จอมพลแปลก พิบูลสงคราม
  10. จอมพลผิน ชุณหะวัณ
  11. จอมพลเรือ หลวงยุทธศาสตร์โกศล (ประยูร ศาสตระรุจิ)
  12. จอมพลอากาศ ฟื้น รณนภากาศ ฤทธาคนี
  13. จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
  14. จอมพลอากาศ เฉลิมเกียรติ วัฒนางกูร
  15. จอมพลถนอม กิตติขจร
  16. จอมพลประภาส จารุเสถียร
  17. จอมพลเกรียงไกร อัตตะนันทน์ - ได้รับพระราชทานยศจอมพล หลังจากเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อ พ.ศ. 2515 (ขณะเสียชีวิตมียศเป็นพลโท ตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1)

จอมทัพ

จอมทัพ (อังกฤษsupreme commander) เป็นตำแหน่งสูงสุดในกองทัพของแต่ละประเทศ ซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งจอมทัพสามารถมียศทหารทั้ง 3 เหล่า คือ จอมพล จอมพลเรือ และจอมพลอากาศ จอมทัพจึงเป็นตำแหน่ง ไม่ใช่ยศทหาร[ต้องการอ้างอิง] ผู้ที่ดำรงตำแหน่งจอมทัพ โดยทั่วไปคือประมุขของรัฐ หรือประเทศนั้น
คำว่า "Generalissimo" เป็นคำในภาษาอิตาเลียน มาจากคำว่า generale ประสมกับส่วนต่อท้ายคำ -issimo ซึ่งมาจากภาษาละติน -issimus[1] ซึ่งหมายถึง "อย่างที่สุด, ไปจนถึงขั้นสูงสุด"
ประวัติศาสตร์ทางทหาร ยศทหารชั้นจอมพลที่มอบให้กับนายทหารที่บัญชาการกองทัพหรือกองกำลังติดอาวุธ ทั้งหมด โดยขึ้นตรงต่อประมุขของประเทศเท่านั้น จอมทัพเป็นผู้คุมอำนาจทางทหารอย่างเบ็ดเสร็จในบางครั้ง คำว่า "Generalissimo" ถูกใช้ในภาษาอังกฤษสมัยใหม่ โดยมีความหมายถึง นายทหารผู้ซึ่งได้รับอำนาจทางการเมืองจากการก่อรัฐประหาร หรือในบางกรณีที่หมายถึงผู้ที่สั่งระงับรัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้า เพื่อที่จะครอบครองอำนาจด้วยวิธีทางทหาร
สำหรับในประเทศไทย ผู้ที่ดำรงตำแหน่งจอมทัพ คือ พระมหากษัตริย์ เพราะในประวัติศาสตร์ไทย องค์พระมหากษัตริย์ คือ ศูนย์รวมจิตใจและเป็นผู้นำทัพในการสงครามด้วยพระองค์เองเสมอมาและตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 10 พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย [2]

หน่วยรบพิเศษ

หน่วยรบพิเศษ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ หรือ กองกำลังพิเศษ เป็นทหารที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีโดยกองทัพซึ่งพวกเขาเหล่านั้นสามารถปฏิบัติภารกิจพิเศษอย่างเช่น 


หมวกเบเร่ต์



ประวัติหมวกทรงอ่อน(หมวกเบเร่ย์ Beret)

กองทัพอังกฤษเป็นกองทัพแรกของโลกที่นำหมวกเบเร่ท์มาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแบบ ในปี พ.ศ. ๒๔๖๒ หน่วยเชสซัวอัลพินที่ ๗๐ ของฝรั่งเศสทำการฝึกร่วมกับกองทัพน้อยรถถังของอังกฤษ หน่วยเชสซัวอัลพินที่ ๗๐ ได้สรวมหมวกคล้าย ๆ กับหมวกเบเร่ย์ขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้พลตรี ฮิ้ว เอลลิส ผู้บัญชาการกองทัพน้อยรถถังตระหนักว่าหมวกเบเร่ย์น่าจะเป็นส่วนประกอบศรีษะ สำหรับพลรถถังที่ต้องเคลื่อนไหวในพื้นที่จำกัด แต่อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าหมวกของหน่วยเชสซัวอัลพินที่ ๗๐ ยังมีรูปร่างที่ยังไม่เข้าท่านัก และรูปแบบของหมวกของพลรถถังฝรั่งเศสดูแล้วโทรมเกินไป ดังนั้นเขาจึงได้นำรูปแบบดังกล่าวมาดัดแปลงโดยใช้พื้นฐานของหมวกของคนสก็อตแลนและได้เสนอให้พระเจ้าจอร์จที่ ๕ รับรองเมื่อ พฤศจิกายน ๒๔๖๖ และได้รับการประกาศใช้เมื่อ มีนาคม ๒๔๖๗ 
.
.
.

http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2009/04/X7749989/X7749989.html

ทหาร เบเร่ต์แดงคือทหารที่สังกัดหน่วยรบพิเศษ ทั้งที่เป็นส่วนปฏิบัติการ
และส่วนการศึกษาวิชาการรบพิเศษทั่วประเทศหรือกอง ร้อยลาดตะเวนระยะ
ไกลไม่จำเป็นต้องเป็นกำลังพลที่สังกัดเฉพาะหน่วยบัญชาการ สงครามพิเศษ
ทหารที่ใส่หมวกเบเร่ต์สีแดงจะต้องเรียนหลักสูตรส่งทางอากาศจึงเป็นที่มาของ
คำว่า "ทหารพลร่ม" ทหารที่ใส่หมวกเบเร่ต์สีแดงทุกนายจะได้เงินค่าเสี่ยงภัย
พิเศษนอกเหนือจาก เงินเดือน ที่บอกมานั่นคือทหารบก ส่วนทหารอากาศของ
เขาก็มีใส่หมวกเบเร่ต์แดงเหมือนกันก็คือ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน เปรียบ
เหมือนหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษของกองทัพบก ส่วนทหารที่ใส่หมวกสีดำ
คือทหารที่สังกัดกองทัพบกทุกเหล่า ทหารที่ใส่หมวกเบเร่ต์สีแดงสามารถใส่
หมวกเบเร่ต์สีดำได้เมื่อแต่งกายชุดปกติ กากีแกมเขียวแขนสั้น แต่ทหารทุกเหล่า
มีความสำคัญเหมือนกันหมด ขอให้ประขาขนรักทหารและให้ความร่วมมือเมื่อได้
รับการร้องขอ พวกผมจะเป็นรั้วที่ดีและแข็งแกร่งของชาติต่อไป
ขอบคุณ จาก นนส.ทบ.11/(1/50) 




นั่นเป็นข้อมูลที่พอจะค้นหา และรวบรวมมาได้
.
.
.
กล่าวโดยสรุปก็คือ

(๑) จอมพล เป็น ยศ ในอดีต ซึ่งปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว ปัจจุบัน เป็นเพียงอัตราจอมพล ซึ่งเป็นอัตราเงินเดือน เท่านั้น

(๒) จอมทัพ เป็น ตำแหน่ง สำหรับในประเทศไทย ผู้ที่ดำรงตำแหน่งจอมทัพ คือ พระมหากษัตริย์ เพราะในประวัติศาสตร์ไทย องค์พระมหากษัตริย์ คือ ศูนย์รวมจิตใจและเป็นผู้นำทัพในการสงครามด้วยพระองค์เองเสมอมาและตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 10 พระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย

(๓) 
ทหารม้า คือ ทหารที่จะต้องทำการรบ โดยใช้อาวุธต่างๆ เช่น ดาบ, ทวน หรือปืน บนหลังม้า แต่ในปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นใช้รถถังและพาหนะเคลื่อนที่เร็วแทน

(๔) หน่วยรบพิเศษ คือ ทหารที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีโดยกองทัพซึ่งพวกเขาเหล่านั้นสามารถปฏิบัติภารกิจพิเศษบางอย่างตามที่ได้ฝึกฝนมา

(๕) หมวกเบเร่ต์ คือ หมวกแบบอ่อน (หมวกทรงอ่อน) 
กองทัพอังกฤษเป็นกองทัพแรกของโลกที่นำมาใช้

(๕) ทหารสังกัดหน่วยรบพิเศษ ใช้
 หมวก เบเร่ต์แดง